วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2560

สรุปบทเทศน์เข้าเงียบประจำปี 2017

เข้าเงียบประจำปี "คณะธรรมทูตไทย"

โดย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์

(10-12 มกราคม 2017)


หัวข้อ: ศิษย์พระคริสต์เจริญชีวิตประกาศข่าวดีใหม่


ช่วงที่ 1: Kerygma คืออะไร?

-สภาพปัญหาคาทอลิกไทย คือ การปลูกฝังความเข้าใจข้อความเชื่อไม่เพียงพอ และขาดประสบการณ์ความเชื่อแบบชุมชนคริสตชน (ไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งชั่วโมงที่มาชุมนุมกันในวันอาทิตย์)

-ศิษย์พระคริสต์จำเป็นต้องเรียนแบบพระเยซูเจ้า ในเรื่องความนบนอบเชื่อฟังพระประสงค์ของพระเจ้า

-การฟื้นฟูสรรพกำลังเพื่อประกาศข่าวดี หาวิธีการใหม่ๆ เพิ่มความกระตือรือร้นในการเทศน์สอน Kerygma

-Kerygma = การประกาศข่าวดีทุกอย่างโดยมีพระเยซูเป็นศูนย์กลาง

-กจ 9 หลังเปาโลกลับใจ ท่านได้ประกาศเพียงเรื่องเดียวทันทีว่า "พระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า

-2 คร 4:5 "เพราะเรามิได้ประกาศเรื่องตนเอง แต่ประกาศว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า" ไม่ต้องมัวแต่โม้เรื่องตนเอง

-1 คร 1:30-31 "ผู้ใดจะโอ้อวด ก็ให้โอ้วดเรื่องพระเจ้าเถิด"

-คส 1:25-29 "ภารกิจของเราคือการประกาศพระวาจา เพื่อพระคริสต์จะได้ดำรงในตัวท่าน เราประกาศถึงพระคริสตเจ้าพระองค์นี้ให้ทุกคนดีพร้อมเดชะพระคริสตเจ้า"

-เมื่อรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน ลองหันมาประกาศพระเยซูเจ้า แล้วพระองค์จะเพิ่มพลังให้แก่เรา

-กจ 2:22-27 .เปโตร ประกาศ Kerygma ประกาศให้คนเข้าใจและซาบซึ้งถึงพระเยซูเจ้า จนมีคนขอล้างบาป 3,000 คน 

-กจ 7:51-56 .สเทเฟน ประกาศ Kerygma แม้แต่ช่วงสุดท้ายของชีวิต

-1 คร 1:23-24 การประกาศ Kerygma ไม่ว่ายุคไหน ผู้คนก็ไม่ชื่นชม แต่หน้าที่ของ "ศิษย์พระคริสต์" เราก็ต้องประกาศ

-ไม่ว่าสัตบุรุษจะรู้สึกอย่างไร ชอบฟังหรือไม่ชอบฟัง เราก็ต้องประกาศเรื่อง Kerygma ไม่ใช่เลี่ยงไปใช้ประสบการณ์ของผู้อื่นที่ไม่ใช่พระเยซู หรือเลี่ยงไปสอนเรื่องศีลธรรม โดยไม่โยงไปที่พระเยซู

-พวกคริสตชน middle class คือ "แบบครึ่งๆ กลาง" ไม่ได้ดีพร้อม เดชะพระคริสตเจ้า (คส 1:28) เขาไม่ได้รับการสอนให้รู้จักพระเยซูแบบสุดโต่ง

-ปัญหาของสภาพพระศาสนจักรไทย คือ พูดถึงพระเยซูเจ้าน้อยไป 

-เราไม่จำเป็นต้องเทศน์เพื่อเอาใจใคร เพราะนั่นเป็นวิธีการของนักการตลาด แต่เราเป็น "ธรรมทูต" ที่ต้องประกาศเพื่อตอบสนอง "ความต้องการลึกๆ ภายใน" ของผู้ฟัง

-กท 1:6 .เปาโล เตือนชาวกาลาเทีย ที่หันเหไปเชื่อข่าวดีอื่น

-กท 1:9 .เปาโล แช่งผู้ที่เทศน์สอนเอาใจผู้ฟัง

-2 ทธ 4:1-5 "จงหนักแน่นมั่นคงในการประกาศพระวาจา พร้อมสรรพทั้งเมื่อมีโอกาสและไม่มีโอกาส และจะถึงยุคที่ผู้คนไม่อยากฟังพระวาจา แต่จงอดทนทำงานประกาศข่าวดี"

-ยรม 20:7-8 ความเหนื่อยอ่อนในการประกาศพระยาห์เวห์แบบเยเรมีย์ 

-ยรม 20:9 แต่ความท้อก็ไม่สามารถหยุดประกาศพระวาจาที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจ

-มธ 28:19 เหตุผลที่เราต้องออกไปประกาศข่าวดี "ท่านทั้งหลาย จงออกไป..."

-1คร 9:16 "แต่ในการประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าไม่รู้สึกภูมิใจแม้แต่น้อย เพราะข้าพเจ้าจำเป็นต้องประกาศอยู่แล้ว หากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าย่อมได้รับความวิบัติ"

-2คร 5:17 "ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสตเจ้า ผู้นั้นก็เป็นสิ่งสร้างใหม่"

-ยน 5:24 "ผู้ที่วาจาของเรา และความเชื่อจะมีชีวิตนิรันดร"

-อิจฉา = เห็นเขาดี เลยอยากดีเหมือนเขา หรือดีกว่าเขา

-ริษยา = คิดว่าตนเองดีที่สุด และไม่อยากให้ใครดีเท่าเรา หรือดรกว่าเรา

-"จงทำสิ่งที่ถูกต้อง ให้ถูกต้องตั้งแต่แรก"

-1ทธ 4:13 งานหลักของ "ธรรมทูต" คือ "จงเอาใจใส่อ่านพระคัมภีร์ให้ประชาชนฟัง จงตักเตือนและสั่งสอนพวกเขาจนกว่าข้าพเจ้าจะมาถึง"

-.เปาโล เขียนจดหมายสอนสังฆราชทิโมธี และเน้นให้ประกาศข่าวดี ทั้งสองฉบับ อย่าเพิกเฉยในการประกาศข่าวดี (2ทธ 4:2)

-1ทธ 4:1-6 สาเหตุที่เราต้องทุ่มเทในการประกาศข่าวดี เพราะมีคนกำลังละทิ้งความเชื่อ และหลงไปสนใจคำสอนของปีศาจ

-การไม่ประกาศพระวาจา ทำให้สังคมเสื่อมลง 

-1ทธ 4:4 "ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างเป็นสิ่งที่ดี และเราไม่ควรตัดสิ่งใดออกไป แต่ต้องรับด้วยความสำนึกในพระคุณ

-1ทธ 4:10 พระเจ้าเป็นพระเจ้าของผู้เป็น ไม่ใช่ผู้ที่ตายไปแล้ว

-มธ 25:14-30 อุปมาเรื่องเงินตะลันท์ คนใช้คนที่สามปฏิเสธความรับผิดชอบและโยนความผิดตำหนิเจ้านายอีก แต่หากเรารู้ว่าเจ้านายเข้มงวด เราต้องขยันมากขึ้น ไม่ใช่ไปตำหนิ

-พระพรที่มี ยิ่งใช้ยิ่งมีมากขึ้น พระเจ้าจะใช้เรามากขึ้นไปอีก

-ฟป 4:7,19 พระเจ้าจะทรงตอบแทนอย่างสาสม



ช่วงที่ 2: การมีประสบการณ์กับพระเจ้า ทำได้อย่างไรบ้าง? (Encounter with Christ)

-การมีประสบการณ์พระเจ้า เป็นเหมือนประสบการณ์มีแฟน ที่สามารถทำทุกอย่างทุ่มเทอุทิศเพื่อเขา คิดถึงเขาตลอดเวลา

-ปัญหาของการไม่พบพระเจ้า คือ "การไม่แสวงหา"

-4 หนทางเพื่อมีประสบการณ์กับพระเจ้า

1.อาศัยสติปัญญา คิดหาเหตุผล เพื่อพบความฉลาดล้ำเหลือของพระองค์ผ่านทางคำสอนและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น

2.อาศัยอารมณ์ความรู้สึก เช่น การได้ไปแสวงบุญแล้วพบกับความศรัทธาของผู้คน การขับร้องบทเพลง ฯลฯ

3.อาศัยจิตวิทยา การเข้าใจมนุษย์

4.อาศัยชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ

-หนทางไหนที่สามารถทำให้เรามีประสบการณ์เข้าใกล้พระเจ้ามากที่สุด ก็ให้ใช้หนทางนั้น

-การตบแก้มขวา ต้องใช้หลังมือ ซึ่งถือเป็นการสบประมาทที่สุด แต่พระเยซูสอนให้ปล่อยวาง ไม่ต้องคิดแค้นเคืองโกรธใดๆ เหมือนที่พระองค์ถูกสบประมาทว่าเป็นเสือผู้หญิง กินและดื่ม แล้วจะไม่มีอะไรทำร้ายเราได้

-คำว่า "พระอาณาจักรจงมาถึง" เป็นการพูดแบบเส้นขนาน(parallel) เช่น กินข้าวกินปลา เป็นสาวเป็นแส้ ฯลฯ ที่มีการอธิบายในตัวเอง

-ใครอยากเป็นใหญ่ จงเป็น "ผู้รับใช้" ใครอยากเป็นที่ 1 จงเป็น "ทาส"

-ในพระคัมภีร์ ไม่มีคำว่า "บาป" เลย มีแต่คำว่า "พลาดเป้า"

-เราต้องแยกระหว่าง "สามารถทำได้"(could) และ "ควรทำ"(should) เช่น อะไรที่ควรทำและสามารถทำได้ จงรีบทำ

-ลก 24:13-35 การเดินทางไปเอมมาอูส: ตัวอย่างการมีประสบการณ์กับพระเจ้า ผ่านทางหนทางต่างๆ เพื่อชีวิตของเราจะได้รับการเติมเต็ม (self-fulfillment) ภายหลังจากพบพระองค์

-ลก 24:25-26 "เจ้าคนเขลาเอ๋ย ใจของเจ้าช่างเชื่องช้าที่จะเชื่อข้อความที่บรรดาประกาศกกล่าวไว้ พระคริสตเจ้าจำเป็นต้องทนทรมานเช่นนี้ เพื่อจะเข้าไปรับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์" เป็นหนึ่งตัวอย่างในการยึดติดตนเอง จนไม่สามารถมีประสบการณ์กับพระเจ้า

-ฮบ 5:8-9 การอดทนยอมรับความทุกข์จะนำไปสู่ความรอดนิรันดร์ "8ถึงแม้ว่าพระองค์เป็นพระบุตร พระองค์ก็ทรงเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังโดยการทนทุกข์ต่างๆ 9เมื่อพระเจ้าทรงทำให้พระเยซูเพียบพร้อมแล้ว พระเยซูจึงทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความรอดนิรันดร์สำหรับทุกคนที่เชื่อฟังพระองค์"

-เมื่อเรามีประสบการณ์กับพระเจ้า เราจะไม่แคร์สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลก เพราะเราจะแคร์แต่คนรักของเราอย่างเดียว

-เฮโรด อากริปปา : สั่งฆ่าทารก

-เฮโรด อาทิปาส : สั่งตัดหัวยอห์น

-กจ 26:1-32 เปาโลปราศรัยต่อกษัตริย์อากริปปา เขาได้รับโอกาสให้แก้ข้อกล่าวหาที่ถูกจับกุม  

-กจ 26:23 ภายหลังประกาศ Kerygma เกิดปฏิกิริยากับผู้ฟังทันที เกือบชักชวนให้อากริปปาเป็นคริสตชนได้แล้ว(กจ 26:28)

-กจ 9 การกลับใจของเปาโล ให้แบบอย่างคริสตชนว่า

1.เราต้องไม่เป็นกลาง เมื่อมีประสบการณ์กับพระเจ้า เราจะต้องอยู่ฝ่ายพระองค์อย่างเดียว

2.ข้อบ่งชี้ว่าเรามีประสบการณ์กับพระองค์ คือเราจะต้องเคยทุกข์ทรมานเหมือนวัวถีบปฏัก(กจ 26:14) เขาเคยทำบาปอย่างหนัก แต่เมื่อพบพระเจ้าแล้ว เขาจะไม่อยากทำผิดซ้ำสองอีก หรือถ้าหลงผิด ก็จะรู้สึกเสียใจอย่างมาก

3.กจ 9:6 ผู้มีประสบการณ์กับพระเจ้า เขาจะแสวงหาพระประสงค์ของพระเจ้า และอยากจะทำแต่พระประสงค์ของพระเจ้าด้วยใจรัก มิใช่ถูกบังคับ

4.กจ 9:20 เมื่อมีประสบการณ์กับพระเจ้า เราจะอยากทำอยู่อย่างเดียว คือ ประกาศ Kerygma เพียงอย่างเดียว "ประโยชน์ล้ำค่าคือการรู้จักพระเยซู"(ฟป 3:8)

5.กจ 9:22 ยิ่งมีประสบการณ์ ยิ่งต้องมั่นใจว่า "พระเยซูเจ้า เป็นพระคริสตเจ้ส" มากยิ่งขึ้น



ช่วงที่ 3: ชีวิตครอบครัวธรรมทูต

-อฟ 4:4-6 เราต้องมี...

1.กายเดียว

2.จิตเดียว:

3.ความหวังเดียว: ยน 14 คำสัญญาของพระเยซูเจ้า "ใจของท่านอย่าหวั่นไหวเลย เรากำลังไปเตรียมที่ให้ท่าน"

4.พระเจ้าหนึ่งเดียว:

5.ความเชื่อเดียว:

6.ศีลล้างบาปเดียว: กท 3:26-28 "ทุกท่านเป็นหนึ่งเดียวในพระคริสตเยซู"

7.พระบิดาเดียว

-สิ่งสำคัญที่ครอบครัวต้องมี "ความรัก" ความรักจะทำให้ทุกอย่างราบรื่น

-1ยน 2:10 "ผู้ที่รักพี่น้อง ก็ดำรงอยู่ในความสว่าง ไม่มีสิ่งใดจะทำให้ล้มลงได้"

-1ยน 4:20 "ถ้าผู้ใดพูดว่าฉันรักพระเจ้า แต่เกลียดชังพี่น้อง ก็เป็นคนพูดเท็จ"

-ยน 3:16 "พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร" ไม่ได้รักเพียงใครคนใดคนหนึ่ง

-อฟ 4:31 "จงขจัดความขมขื่น ความขุ่นเคือง ความโกรธ การขู่ตะคอก การนินทาว่าร้าย และความไม่ดีไม่งามทั้งหลาย" เราต้องพยายามแก้ไขความขัดแย้ง เปิดใจคุยกันตรงๆ กล้ารับฟังการวิพากษ์วิจารณ์ อาจมีขัดแย้งกันบ้าง แต่จะนำไปสู่การพัฒนา

-มีเพียงคนเฉื่อยชาเท่านั้น ที่จะไม่พบความขัดแย้ง

-ความขัดแย้งช่วยให้เรารู้ข้อจำกัดของตนเอง เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์

-มธ 15:18-20 "แต่สิ่งที่ออกมาจากปากนั้นออกมาจากใจ สิ่งเหล่านี้แหละ ทำให้มนุษย์มีมลทิน ใจเป็นที่เกิดของความคิดชั่วร้าย การฆ่าคน การประพฤติผิดทางเพศ การผิดประเวณี การลักขโมย การเป็นพยานเท็จ การใส่ร้าย การกระทำเหล่านี้ทำให้มนุษย์มีมลทิน"

-กจ 15 การแก้ไขความขัดแย้งในเรื่องการเข้าสุหนัต ยากอบเปิดโอกาสให้ผู้คนมีส่วนร่วมหลายฝ่ายมากที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น