วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2560
เข้าเงียบฟื้นฟูจิตใจ "เยาวชน เขต 2"
บทเทศน์ประจำวัน โดย พ่อบอย
วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560
บทเทศน์ประจำวัน โดย พ่อบอย
วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2560
กิจกรรมวันเสาร์ "St.Mark Academy"
มิสซาครบรอบ 100 วัน การเสด็จสวรรณคต
บทเทศน์ประจำวัน โดย พ่อบอย
วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560
บทเทศน์ประจำวัน โดย พ่อบอย
วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2560
บทเทศน์ประจำวัน โดย พ่อบอย
วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2560
บทเทศน์ประจำวัน โดย พ่อบอย
วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560
การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในภาคใต้ของประเทศไทย
วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560
บทเทศน์ประจำวัน โดย พ่อบอย
บทเทศน์ประจำวัน โดย พ่อบอย
วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2560
บทเทศน์ประจำวัน โดย พ่อบอย
วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2560
บทเทศน์ประจำวัน โดย พ่อบอย
วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2560
บทเทศน์ประจำวัน โดย พ่อบอย
สรุปบทเทศน์เข้าเงียบประจำปี 2017
เข้าเงียบประจำปี "คณะธรรมทูตไทย"
โดย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
(10-12 มกราคม 2017)
หัวข้อ: ศิษย์พระคริสต์เจริญชีวิตประกาศข่าวดีใหม่
ช่วงที่ 1: Kerygma คืออะไร?
-สภาพปัญหาคาทอลิกไทย คือ การปลูกฝังความเข้าใจข้อความเชื่อไม่เพียงพอ และขาดประสบการณ์ความเชื่อแบบชุมชนคริสตชน (ไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งชั่วโมงที่มาชุมนุมกันในวันอาทิตย์)
-ศิษย์พระคริสต์จำเป็นต้องเรียนแบบพระเยซูเจ้า ในเรื่องความนบนอบเชื่อฟังพระประสงค์ของพระเจ้า
-การฟื้นฟูสรรพกำลังเพื่อประกาศข่าวดี หาวิธีการใหม่ๆ เพิ่มความกระตือรือร้นในการเทศน์สอน Kerygma
-Kerygma = การประกาศข่าวดีทุกอย่างโดยมีพระเยซูเป็นศูนย์กลาง
-กจ 9 หลังเปาโลกลับใจ ท่านได้ประกาศเพียงเรื่องเดียวทันทีว่า "พระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า"
-2 คร 4:5 "เพราะเรามิได้ประกาศเรื่องตนเอง แต่ประกาศว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า" ไม่ต้องมัวแต่โม้เรื่องตนเอง
-1 คร 1:30-31 "ผู้ใดจะโอ้อวด ก็ให้โอ้วดเรื่องพระเจ้าเถิด"
-คส 1:25-29 "ภารกิจของเราคือการประกาศพระวาจา เพื่อพระคริสต์จะได้ดำรงในตัวท่าน เราประกาศถึงพระคริสตเจ้าพระองค์นี้ให้ทุกคนดีพร้อมเดชะพระคริสตเจ้า"
-เมื่อรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน ลองหันมาประกาศพระเยซูเจ้า แล้วพระองค์จะเพิ่มพลังให้แก่เรา
-กจ 2:22-27 น.เปโตร ประกาศ Kerygma ประกาศให้คนเข้าใจและซาบซึ้งถึงพระเยซูเจ้า จนมีคนขอล้างบาป 3,000 คน
-กจ 7:51-56 น.สเทเฟน ประกาศ Kerygma แม้แต่ช่วงสุดท้ายของชีวิต
-1 คร 1:23-24 การประกาศ Kerygma ไม่ว่ายุคไหน ผู้คนก็ไม่ชื่นชม แต่หน้าที่ของ "ศิษย์พระคริสต์" เราก็ต้องประกาศ
-ไม่ว่าสัตบุรุษจะรู้สึกอย่างไร ชอบฟังหรือไม่ชอบฟัง เราก็ต้องประกาศเรื่อง Kerygma ไม่ใช่เลี่ยงไปใช้ประสบการณ์ของผู้อื่นที่ไม่ใช่พระเยซู หรือเลี่ยงไปสอนเรื่องศีลธรรม โดยไม่โยงไปที่พระเยซู
-พวกคริสตชน middle class คือ "แบบครึ่งๆ กลาง" ไม่ได้ดีพร้อม เดชะพระคริสตเจ้า (คส 1:28) เขาไม่ได้รับการสอนให้รู้จักพระเยซูแบบสุดโต่ง
-ปัญหาของสภาพพระศาสนจักรไทย คือ พูดถึงพระเยซูเจ้าน้อยไป
-เราไม่จำเป็นต้องเทศน์เพื่อเอาใจใคร เพราะนั่นเป็นวิธีการของนักการตลาด แต่เราเป็น "ธรรมทูต" ที่ต้องประกาศเพื่อตอบสนอง "ความต้องการลึกๆ ภายใน" ของผู้ฟัง
-กท 1:6 น.เปาโล เตือนชาวกาลาเทีย ที่หันเหไปเชื่อข่าวดีอื่น
-กท 1:9 น.เปาโล แช่งผู้ที่เทศน์สอนเอาใจผู้ฟัง
-2 ทธ 4:1-5 "จงหนักแน่นมั่นคงในการประกาศพระวาจา พร้อมสรรพทั้งเมื่อมีโอกาสและไม่มีโอกาส และจะถึงยุคที่ผู้คนไม่อยากฟังพระวาจา แต่จงอดทนทำงานประกาศข่าวดี"
-ยรม 20:7-8 ความเหนื่อยอ่อนในการประกาศพระยาห์เวห์แบบเยเรมีย์
-ยรม 20:9 แต่ความท้อก็ไม่สามารถหยุดประกาศพระวาจาที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจ
-มธ 28:19 เหตุผลที่เราต้องออกไปประกาศข่าวดี "ท่านทั้งหลาย จงออกไป..."
-1คร 9:16 "แต่ในการประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าไม่รู้สึกภูมิใจแม้แต่น้อย เพราะข้าพเจ้าจำเป็นต้องประกาศอยู่แล้ว หากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าย่อมได้รับความวิบัติ"
-2คร 5:17 "ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสตเจ้า ผู้นั้นก็เป็นสิ่งสร้างใหม่"
-ยน 5:24 "ผู้ที่วาจาของเรา และความเชื่อจะมีชีวิตนิรันดร"
-อิจฉา = เห็นเขาดี เลยอยากดีเหมือนเขา หรือดีกว่าเขา
-ริษยา = คิดว่าตนเองดีที่สุด และไม่อยากให้ใครดีเท่าเรา หรือดรกว่าเรา
-"จงทำสิ่งที่ถูกต้อง ให้ถูกต้องตั้งแต่แรก"
-1ทธ 4:13 งานหลักของ "ธรรมทูต" คือ "จงเอาใจใส่อ่านพระคัมภีร์ให้ประชาชนฟัง จงตักเตือนและสั่งสอนพวกเขาจนกว่าข้าพเจ้าจะมาถึง"
-น.เปาโล เขียนจดหมายสอนสังฆราชทิโมธี และเน้นให้ประกาศข่าวดี ทั้งสองฉบับ อย่าเพิกเฉยในการประกาศข่าวดี (2ทธ 4:2)
-1ทธ 4:1-6 สาเหตุที่เราต้องทุ่มเทในการประกาศข่าวดี เพราะมีคนกำลังละทิ้งความเชื่อ และหลงไปสนใจคำสอนของปีศาจ
-การไม่ประกาศพระวาจา ทำให้สังคมเสื่อมลง
-1ทธ 4:4 "ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างเป็นสิ่งที่ดี และเราไม่ควรตัดสิ่งใดออกไป แต่ต้องรับด้วยความสำนึกในพระคุณ"
-1ทธ 4:10 พระเจ้าเป็นพระเจ้าของผู้เป็น ไม่ใช่ผู้ที่ตายไปแล้ว
-มธ 25:14-30 อุปมาเรื่องเงินตะลันท์ คนใช้คนที่สามปฏิเสธความรับผิดชอบและโยนความผิดตำหนิเจ้านายอีก แต่หากเรารู้ว่าเจ้านายเข้มงวด เราต้องขยันมากขึ้น ไม่ใช่ไปตำหนิ
-พระพรที่มี ยิ่งใช้ยิ่งมีมากขึ้น พระเจ้าจะใช้เรามากขึ้นไปอีก
-ฟป 4:7,19 พระเจ้าจะทรงตอบแทนอย่างสาสม
ช่วงที่ 2: การมีประสบการณ์กับพระเจ้า ทำได้อย่างไรบ้าง? (Encounter with Christ)
-การมีประสบการณ์พระเจ้า เป็นเหมือนประสบการณ์มีแฟน ที่สามารถทำทุกอย่างทุ่มเทอุทิศเพื่อเขา คิดถึงเขาตลอดเวลา
-ปัญหาของการไม่พบพระเจ้า คือ "การไม่แสวงหา"
-4 หนทางเพื่อมีประสบการณ์กับพระเจ้า
1.อาศัยสติปัญญา คิดหาเหตุผล เพื่อพบความฉลาดล้ำเหลือของพระองค์ผ่านทางคำสอนและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
2.อาศัยอารมณ์ความรู้สึก เช่น การได้ไปแสวงบุญแล้วพบกับความศรัทธาของผู้คน การขับร้องบทเพลง ฯลฯ
3.อาศัยจิตวิทยา การเข้าใจมนุษย์
4.อาศัยชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ
-หนทางไหนที่สามารถทำให้เรามีประสบการณ์เข้าใกล้พระเจ้ามากที่สุด ก็ให้ใช้หนทางนั้น
-การตบแก้มขวา ต้องใช้หลังมือ ซึ่งถือเป็นการสบประมาทที่สุด แต่พระเยซูสอนให้ปล่อยวาง ไม่ต้องคิดแค้นเคืองโกรธใดๆ เหมือนที่พระองค์ถูกสบประมาทว่าเป็นเสือผู้หญิง กินและดื่ม แล้วจะไม่มีอะไรทำร้ายเราได้
-คำว่า "พระอาณาจักรจงมาถึง" เป็นการพูดแบบเส้นขนาน(parallel) เช่น กินข้าวกินปลา เป็นสาวเป็นแส้ ฯลฯ ที่มีการอธิบายในตัวเอง
-ใครอยากเป็นใหญ่ จงเป็น "ผู้รับใช้" ใครอยากเป็นที่ 1 จงเป็น "ทาส"
-ในพระคัมภีร์ ไม่มีคำว่า "บาป" เลย มีแต่คำว่า "พลาดเป้า"
-เราต้องแยกระหว่าง "สามารถทำได้"(could) และ "ควรทำ"(should) เช่น อะไรที่ควรทำและสามารถทำได้ จงรีบทำ
-ลก 24:13-35 การเดินทางไปเอมมาอูส: ตัวอย่างการมีประสบการณ์กับพระเจ้า ผ่านทางหนทางต่างๆ เพื่อชีวิตของเราจะได้รับการเติมเต็ม (self-fulfillment) ภายหลังจากพบพระองค์
-ลก 24:25-26 "เจ้าคนเขลาเอ๋ย ใจของเจ้าช่างเชื่องช้าที่จะเชื่อข้อความที่บรรดาประกาศกกล่าวไว้ พระคริสตเจ้าจำเป็นต้องทนทรมานเช่นนี้ เพื่อจะเข้าไปรับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์" เป็นหนึ่งตัวอย่างในการยึดติดตนเอง จนไม่สามารถมีประสบการณ์กับพระเจ้า
-ฮบ 5:8-9 การอดทนยอมรับความทุกข์จะนำไปสู่ความรอดนิรันดร์ "8ถึงแม้ว่าพระองค์เป็นพระบุตร พระองค์ก็ทรงเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังโดยการทนทุกข์ต่างๆ 9เมื่อพระเจ้าทรงทำให้พระเยซูเพียบพร้อมแล้ว พระเยซูจึงทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความรอดนิรันดร์สำหรับทุกคนที่เชื่อฟังพระองค์"
-เมื่อเรามีประสบการณ์กับพระเจ้า เราจะไม่แคร์สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลก เพราะเราจะแคร์แต่คนรักของเราอย่างเดียว
-เฮโรด อากริปปา : สั่งฆ่าทารก
-เฮโรด อาทิปาส : สั่งตัดหัวยอห์น
-กจ 26:1-32 เปาโลปราศรัยต่อกษัตริย์อากริปปา เขาได้รับโอกาสให้แก้ข้อกล่าวหาที่ถูกจับกุม
-กจ 26:23 ภายหลังประกาศ Kerygma เกิดปฏิกิริยากับผู้ฟังทันที เกือบชักชวนให้อากริปปาเป็นคริสตชนได้แล้ว(กจ 26:28)
-กจ 9 การกลับใจของเปาโล ให้แบบอย่างคริสตชนว่า
1.เราต้องไม่เป็นกลาง เมื่อมีประสบการณ์กับพระเจ้า เราจะต้องอยู่ฝ่ายพระองค์อย่างเดียว
2.ข้อบ่งชี้ว่าเรามีประสบการณ์กับพระองค์ คือเราจะต้องเคยทุกข์ทรมานเหมือนวัวถีบปฏัก(กจ 26:14) เขาเคยทำบาปอย่างหนัก แต่เมื่อพบพระเจ้าแล้ว เขาจะไม่อยากทำผิดซ้ำสองอีก หรือถ้าหลงผิด ก็จะรู้สึกเสียใจอย่างมาก
3.กจ 9:6 ผู้มีประสบการณ์กับพระเจ้า เขาจะแสวงหาพระประสงค์ของพระเจ้า และอยากจะทำแต่พระประสงค์ของพระเจ้าด้วยใจรัก มิใช่ถูกบังคับ
4.กจ 9:20 เมื่อมีประสบการณ์กับพระเจ้า เราจะอยากทำอยู่อย่างเดียว คือ ประกาศ Kerygma เพียงอย่างเดียว "ประโยชน์ล้ำค่าคือการรู้จักพระเยซู"(ฟป 3:8)
5.กจ 9:22 ยิ่งมีประสบการณ์ ยิ่งต้องมั่นใจว่า "พระเยซูเจ้า เป็นพระคริสตเจ้ส" มากยิ่งขึ้น
ช่วงที่ 3: ชีวิตครอบครัวธรรมทูต
-อฟ 4:4-6 เราต้องมี...
1.กายเดียว:
2.จิตเดียว:
3.ความหวังเดียว: ยน 14 คำสัญญาของพระเยซูเจ้า "ใจของท่านอย่าหวั่นไหวเลย เรากำลังไปเตรียมที่ให้ท่าน"
4.พระเจ้าหนึ่งเดียว:
5.ความเชื่อเดียว:
6.ศีลล้างบาปเดียว: กท 3:26-28 "ทุกท่านเป็นหนึ่งเดียวในพระคริสตเยซู"
7.พระบิดาเดียว:
-สิ่งสำคัญที่ครอบครัวต้องมี "ความรัก" ความรักจะทำให้ทุกอย่างราบรื่น
-1ยน 2:10 "ผู้ที่รักพี่น้อง ก็ดำรงอยู่ในความสว่าง ไม่มีสิ่งใดจะทำให้ล้มลงได้"
-1ยน 4:20 "ถ้าผู้ใดพูดว่าฉันรักพระเจ้า แต่เกลียดชังพี่น้อง ก็เป็นคนพูดเท็จ"
-ยน 3:16 "พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร" ไม่ได้รักเพียงใครคนใดคนหนึ่ง
-อฟ 4:31 "จงขจัดความขมขื่น ความขุ่นเคือง ความโกรธ การขู่ตะคอก การนินทาว่าร้าย และความไม่ดีไม่งามทั้งหลาย" เราต้องพยายามแก้ไขความขัดแย้ง เปิดใจคุยกันตรงๆ กล้ารับฟังการวิพากษ์วิจารณ์ อาจมีขัดแย้งกันบ้าง แต่จะนำไปสู่การพัฒนา
-มีเพียงคนเฉื่อยชาเท่านั้น ที่จะไม่พบความขัดแย้ง
-ความขัดแย้งช่วยให้เรารู้ข้อจำกัดของตนเอง เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์
-มธ 15:18-20 "แต่สิ่งที่ออกมาจากปากนั้นออกมาจากใจ สิ่งเหล่านี้แหละ ทำให้มนุษย์มีมลทิน ใจเป็นที่เกิดของความคิดชั่วร้าย การฆ่าคน การประพฤติผิดทางเพศ การผิดประเวณี การลักขโมย การเป็นพยานเท็จ การใส่ร้าย การกระทำเหล่านี้ทำให้มนุษย์มีมลทิน"
-กจ 15 การแก้ไขความขัดแย้งในเรื่องการเข้าสุหนัต ยากอบเปิดโอกาสให้ผู้คนมีส่วนร่วมหลายฝ่ายมากที่สุด